กว่าจะเป็น ”ไฉ่ซิงเอี้ย”องค์บุ๋น
กว่าจะเป็น ”ไฉ่ซิงเอี้ย”องค์บุ๋น
กว่าจะเป็น ”ไฉ่ซิงเอี้ย”องค์บุ๋น
ทุกคนในที่นี้ไม่มีใครไม่รู้จักเทพเจ้าไฉ่ซิงเอี้ย หรือ เทพเจ้าแห่งโชคลาภ เทพชั้นสูงที่อำนวยโชคลาภ ความมั่งคั่ง และร่ำรวยแก่ผู้ที่บูชา เป็นองค์เทพที่สำคัญสำหรับคนทำการค้าขาย ในทุกๆตรุษจีนจะมีการตั้งโต๊ะทำพิธีไหว้รับเทพเจ้าแห่งโชคลาภ เพื่อให้ท่านมาสถิตในเคหสถานบ้านเรือน ร้านค้า เพื่อำนวยความโชคดี มั่งคั่งค้าขายเจริญรุ่งเรือง
แต่จะมีกี่คนที่จะรู้ว่า ตามตำนานเทพเจ้าไฉ่ซิงเอี๊ย มี 2 องค์ และมีพลานุภาพแตกต่างกัน ไฉ่ซิงเอี๊ยองค์บุ๋นชื่อว่าปี่กานและไฉ่ซิงเอี๊ยองค์บู๊ชื่อว่าจ้าวกงหมิง
ไฉ่ซิงเอี๊ยองค์บุ๋น หรือ ปี่กาน จะโปรดดลบันดาลด้านเงินทองทรัพย์สิน ตลอดจนโชคลาภการค้าขาย ในขณะที่องค์บู๊หรือจ้างกงหมิง จะช่วยเหลือด้านหนี้สิน คนไหนเป็นเจ้าหนี้ตามลูกหนี้ง่ายได้เงินคืน ถ้าเป็นเจ้าของกิจการจะดลบันดาลให้ลูกน้องขยันขันแข็ง ควบคุมลูกน้องได้ดี
.
โดยวันที่29สิงหาคม 2564 ตรงกับวันเทวสมภพของ ไฉ่ซิงเอี๊ยองค์บุ๋น
.
ปี่กาน เป็นอัครมหาเสนาบดีผู้ซื่อตรงของจักรพรรดิ์อินโจ้ว ซึ่งเป็นจักรพรรดิ์องค์สุดท้ายแห่งราชวงศ์อินทรงที่ลุ่มหลงผู้หญิงไม่สนใจราชกิจ ทรงมีสนมเอกนางหนึ่งนามโซวถังกี้ (ซูต๋าจี)
.
ว่ากันว่านางโซวถังกี้เป็นจิ้งจอกเก้าหาง มีพฤติกรรมชั่วช้าหลายอย่าง ทั้งให้ร้ายขุนนาง หรือแม้กระทั้งสั่งขุดบ่องูเพื่อโยนข้าราชการหรือนางกำนันที่ขัดใจลงไปให้งูกิน ส่วนใครที่เป็นปรปักษ์กับนาง นางจะสั่งให้คนนำเอาเสาทองแดง (เผาหลก) ไปเผาไฟให้ร้อน แล้วนำคนผู้นั้นมาแนบกับเสาจนตาย โดยพฤติกรรมทั้งหมดมีองค์จักรพรรดิ์สนับสนุน
.
ปี่กานพยายามเตือนองค์จักรพรรดิ์ให้หันมาสนใจราชกิจหลายครั้งหลายคราแต่พระองค์ไม่สนใจต่อคำเตือน
ปี่กานจึงวางแผนให้ทหารไปจับสุนัขจิ้งจอกมาทำเสื้อคลุมถวายแด่องค์จักรพรรดิ์ หวังว่าโซวถังกี้ที่เป็นสุนัขจิ้งจอก เมื่อพบเห็นเสื้อคลุมก็จะตกใจและหนีไปแต่เหตุการณ์กลับตรงกันข้าม เพราะโซวถังกี้ไม่ตกใจ และวางแผนเล่นงานปี่กานกลับ
.
องค์เจียงไท้กง เทพเจ้าผู้ใหญ่ที่มีหน้าที่แต่งตั้งเทพเจ้ากำลังนั่งบำเพ็ญตบะก็เกิดอาการร้อนใจยิ่งนักจึงทราบด้วยจิตวิญญานว่าท่านปี่กานต้องมีเรื่องเดือดร้อนหนักจึงคิดหาทางช่วยปี่กาน
.
วันหนึ่งปี่กานได้ยินเสียงชายชรากำลังประกาศขายหัวใจ จึงได้ออกมาดูซึ่งชายชราคนนี้คือเทพเจียงไท้กงแปลงกายมาช่วย
ปี่กานได้มาถามชายชราว่า “หัวใจคือสิ่งสำคัญหากขายไปจะมีชีวิตอยู่ได้อย่างไร”
ชายชราก็บอกแก่ปี่กานว่า “หัวใจเป็นต้นเหตุของความรู้สึกผิดชอบชั่วดี หากหัวใจไม่เที่ยงทำย่อมทำแต่สิ่งที่ไม่ดี ถ้าเอาหัวใจออกมาขายเสียต่อไปข้าพระเจ้าจะไม่เลือกที่รักมักที่ชั่งมีแต่ความยุติธรรมจัดการปัญหาต่างๆ อย่างยุติธรรมเป็นเช่นนี้ไม่ใช่ประเสริฐกว่าหรือ”
ปี่กานยังคงยืนยันว่า “แต่หัวใจเป็นอวัยวะสำคัญมาก มีเพียงหนึ่งเดียวเมื่อขายแล้วท่านจะมี ชีวิตสืบต่อไปได้อย่างไร ”
ชายชราจึงบอกว่ามียาดีทานไปแล้วไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นก็ยังสามารถจะมีชีวิตอยู่ได้ ปี่การจึงขอชมยาเม็ดนั้น
หลังจากนั้นชายชราจึงนำออกมาให้ปี่กานชื่นชมและปี่กานได้สูดดมกลิ่นยาที่เต็มไปด้วยความหอมพอรู้ตัวอีกทีชายชราก็หายไป
.
เช้าวันรุ่งขึ้นองครักษ์หลายนายได้มาเชิญตัวปี่กานไปเข้าเฝ้าแต่เช้า
ปี่กานรู้สึกประหลาดใจจึงไถ่ถามเหล่าองครักษ์ จึงทราบว่าพระสนมโซวถังกี้ที่เป็นโรคประหลาดหมอหลวงอับจนที่จะรักษาได้มีแต่หัวใจปี่กานเท่านั้นที่จะรักษาโรคนี้ได้
หลังจากปี่กานทราบเรื่องก็ตกใจเป็นอันมากเรียกหาคนในครอบครัวมาสั่งเสีย
เขานึกถึงยาวิเศษที่ได้รับมาจากชายชราจึงรีบไปหยิบยาวิเศษออกมากิน
แล้วตามเหล่าองค์รักษ์เพื่อเข้าเฝ้าพอมาถึงท้องพระโรง จักรพรรดิอินโจ้วก็ตรัสขอหัวใจของปี่กาน เพื่อนำไปใช้รักษาอาการป่วยของพระสนม
ปี่กานจึงทูลว่า“ พระองค์รับสั่งให้ขุนนางตาย นางผู้นั้น ก็มิอาจมีชีวิตสืบไป แต่ก่อนที่กระหม่อม ขอกราบทูลเตือนพระองค์เป็นครั้งสุดท้ายว่า พระองค์กำลังลุ่มหลงนางปีศาจ และกำลังตกอยู่ภายใต้อำนาจ ของมัน หลังจากที่พระองค์ทรงประหารกระหม่อมแล้ว ราชวงศ์ของพระองค์ที่ดำรงคงอยู่มาถึง28รัชกาล ก็จะถึงกาลอวสานแล้ว ”
.
แต่องค์จักรพรรดิหาได้ใส่พระทัยต่อคำเตือนของปี่กาน แต่กลับสั่งให้ทหารควักหัวใจของปี่กานออกมา แต่ปี่กานจึงกล่าวขอมีดสั้นและปี่กานจะเป็นผู้ควักหัวใจของตัวเอง หลังจากนั้นปี่กานก็ใช้มีดแหวกอกและควักหัวใจออกมาและเดินออกจากพระราชวัง แต่สิ่งอัศจรรย์ที่เกิดขึ้น ปี่กานควักหัวใจออกมาแต่ไม่มีแม้แต่เลือดสักหยด
.
ดังนั้นตั้งแต่นั้นเป็นต้นมาปี่กานก็ออกท่องเที่ยวไปยังสถานที่ต่างๆ เขาโปรยเงินทองแจกจ่ายแก่ผู้คนทั่วไปกลายเป็นเทพเจ้าแห่งโชคลาภ ตามตำนานกล่าวกันว่าปี่กานกินยาวิเศษของเจียงไท้กงเข้าไป เขาจึงมีชีวิตอยู่ได้แม้ว่าจะไม่มีหัวใจและกล่าวกันว่าเพราะปี่กานไม่มีหัวใจเขาจึงโปรยเงินโปรยทองแก่คนทั่วไป โดยไม่เลือกว่าคนนั้นดีหรือคนนี้ไม่ดี เป็นที่มาของเทพเจ้าไฉ่ซิงเอี้ยองค์บุ๋นนั่นเอง
.
โปรดใชวิจารณญาณในการอ่านและคอมเม้นด้วยความสุภาพ
30 มกราคม 2567
ผู้ชม 300 ครั้ง